Full Review iPhone 6 ใหญ่ขึ้น อึดขึ้น ยาวขึ้น และ บางขึ้น !!
สวัสดีครับ ก็เจอกันเป็นประจำกันเสมอคราวมี iPhone แบบใหม่เหรอ iPad รุ่นใหม่ออก ซึ่งครั้งนี้ผม Review ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 4 วันเต็มๆ ก็เพราะว่าต้องการที่เปลี่ยนการเขียนแบบใหม่ ด้วยการอยู่กับของในมือให้นานขึ้นกว่าเดิม และ ต้องการจักแก้ไขการ Review เป็นแบบจัดเต็ม ครั้งนี้เลยทิ้งเวลายาวนานกว่าเดิมเพื่อที่จักนั่งเทสนั่งประลองเล่นในทุกสถาวะให้นานกว่าเดิม เลยทิ้งช่วงกันไปยาวๆ มาช่วงนี้ผมพร้อมแล้วครับ ที่จักมาเล่าให้ฟังถึงการใช้งานเต็มๆ iPhone 6 จากผมเอง เบียร์ ครับ โหมโรงกันที่ส่วนแรกกล่อง ซึ่งตัวของกล่องเพราะด้วยใส่ตัวเครื่อง iPhone 6 ในครั้งนี้นั้นมาแปลกกว่าของทุกครั้ง ก็เพราะว่าครั้งนี้กล่องไร้ซึ่งสีสันแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งสบายตากว่ามาก ภายในกล่องก็บรรจุอุปกรณ์พื้นฐานที่ทาง Apple ได้ผลิตติดมาให้ได้แก่สาย USB Lighting, ปลั้ก 3 ขา (ในเมืองไทยเป็นแบบ 2 ขาตัวเล็ก) ด้วยกันหูฟัง Apple Ear Pod บรรจุอยู่ในกล่อง มาพร้อมคู่มือกับวิธีใช้งานเบื้องต้น 3 ภาษา พร้อมสติกเกอร์ Logo ของ Apple 2 แผ่น และ เข็มเกี่ยวกับถาดซิม
แรกสัมผัสนั้นแปลกมือกว่าแต่ก่อนอยู่พอสมควร เพราะครั้งนี้มันมาพร้อมกับความบางที่บางกว่าเดิมมากบางมากที่สุดถึง 6.9 มิลลิเมตร ด้วยกัน มีน้ำหนักโดยรวมที่ 129 กรัม ก็นับว่าจับๆ ตอนแรกก็เอาหลอนมือไปสักพัก ก็เพราะว่าไม่คุ้นและไม่ชินกับน้ำหนักและขนาดใหม่ของมัน ทำเอาจะทำตกหลายครั้งก็เพราะว่ามันเบามากจนแทบจะไม่รู้สึกว่ายกมันขึนมาจากกระเป๋ากางเกง
ถ้าให้พูดเป็นแน่แท้ๆ คือความเคยชินจากตอนที่เราหยิบ iPhone 5S ออกมาจากกระเป๋า แล้วลองจับดู ซึ่งมันแปลกจากทุกครั้งใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะชินมือ หน้าจอที่้ทำมาใหม่ขนาด 4.7 ซึ่งในตอนแรกที่จับกับใช้งานครัน ต้องแสดงเลยว่าถ้าคนที่คุ้นตาพร้อมด้วยชินตา่จาก Apple มาก่อนทุกรุ่นจักมีความรู้สึกว่า หน้าจอมันแค่ยาวขึ้น ไม่ได้ขยายออกข้างๆ ให้มันกว้างขึ้นสักเท่าไรนัก อาจจะผมใช้หลายรุ่นมากก็ได้เลยทำให้รู้สึกว่ามันจอกว้างไม่เท่ากับ Galaxy S5 แต่โดยรวมมันเป็นแค่ความรู้สึก เพราะว่าสมมุติใช้งานใน App แล้วจะเห็นข้อแตกต่างจากรุ่นเดิมที่ชัดเจนมากๆ ว่ามันกว้างขึ้น พร้อมทั้ง ใช้งานสะดวกสบายตาเป็นแน่แท้ๆครับ
ปุ่ม Sleep ถูกขนย้ายมาอยู่ด้านข้างขวาของตัวเครื่องแทน อยู่บริเวณด้านบน ซึ่งเป็นที่จับถนัดมือกดถนัดนิ้วมากกว่ารุ่นก่อนมากที่อยู่ข้างบน และจุดที่อยู่ตรงนี้เวลาเราใช้นิ้วชี้มือซ้ายกดเอาถนัดมือพร้อมด้วยนิ้วมาก
ถ้าคนถนัดมือขวา ก็จักเป็นนิ้วโป้งขวาแทน ก็แล้วแต่ความถนัดครับ ส่วนตรงนี้ผมถนันทั้งสองนิ้วโดยรวมถือว่าสบายนิ้วดี และ ถาดเพื่อใส่ซิมอยู่ด้านขวาเหมือนเดิมตำแหน่งเดิม เพราะว่าที่เครื่องใช้งานแบบ Nano-Sim ครับ
ด้านซ้ายมือของเครื่องจักเป็นปุ่มลดพร้อมทั้งเพิ่มเสียง รวมทั้งสวิตซ์เหตุด้วยตั้งค่าสั่นเครื่องอย่างเดียวเพราะการปิดเสียง ซึ่งเพราะว่ารวมใคร่ที่แจ้งไปตอนแรกว่าเครื่องนั้นมีความบางที่บางมากกว่าเดิมอยู่พอสมควร ทำให้สวิตซ์ต่างๆจากที่เคยทำออกมาแบบกลมๆ เลยทำเป็นแบบยาวแทน
แต่เวลากดนั้นไม่ต้องออกแรงอะไรมากด้วยกันถนัดนิ้วกว่าเดิมด้วยตรงที่มันยาวนั้นเองครับ แต่มีปัญหาเล็กน้อยตรงที่สวิตซ์สับสั่นนี้แหละ ที่มันมีขนาดเล็กมากด้วยกันดันไปโค้งมนกับตัวเครื่องด้วยทำให้เวลาสับสั่นบางที จักต้องเอาเล็บไปจิกเพื่อสับสันครับ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นดูโล่งๆ ไม่มีอะไรเพราะปุ่ม Sleep นั้นถูกอพยพไปด้านขวาของเครื่องแล้วนั้นเองครับ ทำให้ส่วนด้านบนของตัวเครื่องนั้นโล่งไม่มีอะไรเลย
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องนั้นมีการแยกส่วนต่างๆออกจากกันไม่ได้ทำเหมือนกันแบบทันทีที่ก่อนแล้ว โดยที่ลำโพงจะเป็นรูๆ ทั้งหมด 6 ช่อง พร้อมทั้งช่องเหตุด้วยเสียบชาร์ตด้วยสาย usb lighting พร้อมทั้งช่องไมโครโฟนอยู่ติดกับช่องสำหรับเสียบหูฟังขนาด 3.5 ครับ
ส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง iPhone6 Plus นั้นเหตุด้วยหลายๆ คนมองว่าขัดหูขัดตาที่สุดอีก 1 สิ่งก็คือเลนซ์ของกล้องหลังนั้นนู่นออกมาจากตัวเครื่องถึง 0.9 มิลลิเมตร
ถ้าสมมุติให้พูดตรงๆ ก็คือถ้าวางเครื่องแบบที่ไม่ใส่เคสลงไปกับพื้นส่วนแรกที่จักโดนพื้นก็คือกล้องครับ แต่เพื่อผมมองๆว่า มันไม่ได้เป็นปัญญาเลยครับ
มาถึงส่วนที่เรียกได้ว่าขัดใจอีกหนึ่งส่วนที่ผมรายงานตรงๆ ว่าผมไม่ได้ชอบตรงการออกแบบฝาหลังเลยครับ จากตอนแรกที่iPhone 5S สีทองนั้นเป็นสีที่เพราะว่ารวมผมชอบที่สุด เพราะมันลงตัวมากไม่ว่าเรื่องของสีพร้อมด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มาถึง iPhone 6 ผมมาดูฝาหลังที่ตัดกับเซ็นเซอร์ต่างๆ แล้วบ่งตรงๆ ตอนแรกทำใจว่า ถ้าเอาสีขาวมันไม่น่าจักตัดสีกับเส้นของเซ็นเซอร์มาก แต่พอเข้าแท้ๆ ไปดูของครัน แทบไม่ได้แตกต่างอะไรจากสีทองเลย ผมเลยตัดสินใจเอาสีนี้เพราะว่าใช้เองอยู่แล้ว เพราะว่ารวมถือว่าจัดเต็มมากเรื่องฝาหลัง ก็เพราะว่าทำออกมาสีไหนก็เอาสีนั้นไปเลยทั้งแผ่นครับ
ถามถึงโดยรวมจากการใช้งานครั้งแรกในมือและตอนแรกที่ใช้ก็รู้สึกแปลกๆ อาจจักเพราะไม่คุ้มมือในร่างที่มันขยายใหญ่ขึ้น (ยิ่ง iPhone6 Plus เดียวรออ่านนะ) แต่พอใช้มาได้สักวันเริ่มทำคุ้นๆ มือแล้วพร้อมทั้งลองเล่น App ต่างๆดูบาง เดียวมาดูช่วงๆถัดครับ มันแตกต่างยังไงกับ iPhone5S บาง ณ ทันทีผมบรรยายได้เท่านี้ครับ
ข้อมูลเฉพาะ iPhone6 ครับ
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง : 138.1 x 67.0 x 6.9 น้ำหนัก 129 กรัม
หน้าจอแบบ Retina HD ขนาด 4.7 แบบ LED-backlit widescreen Muti-Touch display with IPS technology ความละเอียดที่ 1334 x 750 326 PPI
ฃใช้ CPU หลักเป็น Apple A8 ความเร็ว 1.4 Duel Core มาตรฐาน 64 Bit พร้อมกับ ใช้GPU เป็นแบบ M8 ที่มีความเร็วพร้อมกับการประมวลผลที่เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า
ตัวกล้องมีความละเอียดที่ 8MP ใช้ระบบการจัดภาพ iSight camera with 1.5µ pixels มี Auto Focus ใช้ Hybrid IR filter มาพร้อม Backside illumination sensor ตัวเลนซ์กล้องมี Sapphire crystal lens cover ป้องกันการเป็นลอยจากการขีดขูด พร้อมทูโทรนแฟลต
บันทึก VDO ความละเอียด 1080P พร้อมทูโทรนแฟลต ด้วยกันใช้ฟังชั่น Slo-mo แบบใหม่ที่ 120FPS พร้อมทั้ง 240 FPS มีฟังชั่น Time lapse พร้อมกับใช้งานการซูม VDO ได้ 3 เท่า
กล้องหน้า 1.2MP ที่ความระเอียดสูงสุด 1280x960 บันทึก VDO กล้องหน้าความละเอียด 720P มี Auto HDR ในการปรับแสง และ รับแสงทั้งหมดประมวลผลด้วย GPU M8 พร้อม Facetime HD
ข้อมูลเพราะว่ารวมของตัวเครื่องทั้งหมดภายนอก
ข้อมูลการใช้งานพร้อมทั้งใช้งานแบตในเครื่องทั้งหมด ข้อมูล Sensor ทั้งหมดในเครื่องที่ iPhone6 สามารถทำได้
รายการ App ทั้งหมดที่มากับเครื่องในตอนแรกตั้งแต่แกะกล่อง(iOS 8)
บท Review เข้าสู้หน้าจอเครื่องครั้งแรก
จนกระทั่งทำการ Activion แล้ว iPhone6 จักสอบถามการตั้งค่าหน้าจอครั้งแรก ซึ่งไม่เหมือนรุ่นเก่าๆก่อนหน้า
จะมีให้ตั้งค่าหน้าจอแบบ Standard และ Zoom ซึ่งใครคุ้นเคยกับแบบเดิมๆของ iPhone รุ่นก่อนๆก็เร่ำลือกแบบ Zoom ครับแต่ผมมาจุดๆ นี้แล้วหมายลองของใหม่เลยจัดแบบ Standard ไปเลย ซึ่งแบบ Standard จักมีการหดของ icon ลงไป ด้วยกัน แบบ Zoom จะมี icon ที่ขยายใหญ่ขึ้นจนเกือบเต็มเนื้อที่เหลือของหน้าจอ
แน่นอนว่าเเลื่องลือกแบบไหนจักมีพรีวิวให้เราได้ดูก่อน ซึ่งความแตกต่างจักต่างกันก็ตรงนี้แหละครับ ถ้าใครเลือกระฉ่อนกแบบ Standard มันจะเป็นจอที่โดนย่อลงไปให้เล็กลง แต่สมมตเเล่าลือก Zoom ทุกอย่างในจอจักดูใหญ่ขึ้นด้วยกันอ่านสบายตา อยู่ที่สายตาของแต่ละคน
ด้วยกันสมมุติมองดูดีๆ ทั้งแบบ Standard พร้อมด้วย Zoom จักแตกต่างกันแค่เรื่องของขนาด icon และ ตัวขนาดของตัวหนังสื่อกับอักษรในหน้าจอ ซึ่งทั้งหมดเรารอบรู้ไปปรับพร้อมกับขยายได้ใน Setting ครับ
เข้าหน้าจอครั้งแรกแบบเต็มๆ ตา เต็มๆ ใจทั้งสองแบบ แบบ Standard รูปซ้าย กับ Zoom รูปขวา ทั้งหมดอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนครับว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวผมมองแบบ Standard ผมชอบมากกว่าเพราะว่าว่ามันกว้างด้วยกันแสดงเนื่้อหาในส่วนของ Email พร้อมทั้งส่วนอื่นๆของตัวอักษรเป็นได้แสดงได้มากมายมากกว่าในหนึ่งหน้า พร้อมทั้ง ดูสวยกว่าครับ(ความรู้สึกส่วนตัว)
บทใช้งานครันกับ App ต่างๆบน iPhone6
อันดับแรกผมเทสจาก App ที่เป็นพวก Social กับพวกที่จักต้องใช้การพิมพ์หลักๆเป็นต้นพวก Wechat, Line, Whatsapp เป็นต้น แน่นอนว่า Line ยังคงมีปัญหาใช่ไหมบัคของคีย์บอร์ทอยู่การใช้งานไม่มีปัญหานะครับ ยังคงพิมได้ดีปกติ ถ้าความรู้สึกการพิมต่างๆ ผมหมายว่าถ้าเเอิกเกริกกแบบ Standard มัมพิมไม่แตกต่างจากขนาดเดิมไม่ก็ Zoom เท่าไรเลยครับ เพราะว่าหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมาตรฐานความกว้างของปุ่ม พร้อมด้วยการพิมไม่ได้แตกต่างหรือลดลงไป ผมกลับพิมเร็วขึ้นกว่าเดิมได้ง่ายเสียด้วยซ้ำครับ
กับนี้ก็เป็นตัวอย่างของบัคที่ผมบอกกล่าวบาง App ของพวกที่เราใช้แชท ซึ่งผมเจอกับ LINE ใน iOS8 ครับ
ที่นี้เรามาลองเล่นเกมที่กิน GPU กับ CPU ในเครื่องกันหนักๆบางเพื่อลองเชิงประสิทธิภาพของการทำงานทั้งหมดของระบบ ผมเลยหยิบ Modern Combat 5 ภาคล่าสุดออกมาทำการลองเชิง
ซึ่งทั้งหมดก็ตามที่แสดงออกตามภาพครับ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากการแสดงผลของ iPhone5S ที่ใช้ GPU M7 มากนัก ยกเว้นพวกแสงสีและประกายต่างๆในเกม ยังคงมีบางส่วนที่มีบัคเช่นฉากต่างๆที่ยังไม่รอบรับการทำงานของ GPU M8 ของ iPhone6 อาจจะทำให้มู่ลี่เบลอ ด้วยกันมองไม่เห็นในบางจุดครับ ส่วนการเล่นนั้นลื่นไหล สบายตาพร้อมด้วยสบายนิ้วมากครับ สนุกมากจริงๆๆ จอใหญ่ขึ้นด้วย
คราวนี้มาลองเกมที่ใช้งาน CPU พร้อมทั้ง GPU ไม่ก่ายกองดูบางว่าการเล่นนั้นจะเป้นยังไง ผมเลยเระบือกเอา Cookie Run เกมที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนในการประมวลผล ไม่ก็ แสดงผลของเกม เพราะแค่กดกระโดดพร้อมกับหมอบเท่านั้นแหละ จากการลองเชิง ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกับ iPhone5S เลยทั้งภาพพร้อมทั้งเสียงทั้งหมดแสดงผลได้เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ iPhone6 นั้นจอใหญ่กว่าการมองก็ย่อมสบายตากว่า พร้อมทั้ง การบังคับ ด้วยกันการกดต่างๆก็ต้องง่ายกว่าเช่นกันครับ ดังนั้นไม่มีอะไรแปลกไปจากจุดเดิม
เรื่องของกล้อง iPhone6
อย่างที่กล่าวกล้อง iPhone6 นั้นรอบรู้ที่จะถ่ายอะไรได้คมชัดมากกว่า iPhone5S มากกว่าเดิมพอสมควร นั้นหมายถึงเราสามารถที่จัด Fucus ได้ใหม่พร้อมด้วยยังคงเก้บรายละเอียดส่วนต่างๆของภาพได้คมชัด ทั้งแสง พร้อมกับ เงา ตามที่แสงบริเวณตรงที่เราถ่ายภาพเราอยู่ตรงที่จริงๆ มีการปรับแสงพร้อมด้วยรับแสงได้ดีกว่าเดิมที่น่าสนใจครับ
แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องของการจับ Macro ระยะใกล้ๆของตัวเลนซ์กับตัววัตถุที่เราต้องการจักถ่ายมันก็ยังคงจับระยะใกล้ๆ ไม่ได้ เพราะว่าจับใกล้มันก็จับไม่ติด ตามภาพที่ผมเอามาลง สมมติไปเทียบกับ S5 พร้อมด้วย LG G3 เหรอ ตัวโหดอย่าง Z3 ผมสั่งตรงๆเลยว่า ตายครับ อันนี้ไม่ได้ประเมิณว่ามันต่ำนะครับ แต่จะสรุปให้ฟังตอนท้ายๆ
ทีนี้มาลองตอนกลางคืนดูครับ ภาพที่ได้จากการเปิด Mode HDR ไม่เปิด Flash เพราะรวมถือว่ายังดูดีกว่า iPhone5S อยู่ในระดับหนึ่งไม่ว่าจักเป็นการจับภาพพร้อมด้วยการรับแสงต่างๆ
พอกลาง คืนเหมือนกันที่เดิม ก็ทำการเปิด Flash เพื่อทำการวัดใจ Mode การเปิด Flash ก็พบว่าภาพมีความสว่างที่ดูดีกว่า iPhone5S อยู่ในระดับที่พอใจครับ ไม่ได้สว่างเจิดจรัทเกินไปครับ
พอ มาลองในที่ๆไม่มีแสดงไฟ อาศัยการเปิดแฟชรอย่างเดียว ก็อย่างที่แสดงครับFalshนั้นถูกทำออกมาดูดีกว่ารุ่น iPhone5S มากครับ ไม่สว่างเกินไป ด้วยกันการผสมสีของFalshแบบคู่นั้นทำออกมาได้ดูดีกว่ารุ่นก่อนมากครับทำให้ออกมา ดูดีตามแบบในภาพ (อาจจะมืดไปนิดนะครับ)
ถัดก็ VDO ครับ
ถัดไปนี้คือไฟล์ VDO 2 อัน อันแรกเป็นไฟล์แบบ 1080P เต็มที่ถ่ายจากกล้อง iPhone6 โดยไม่ข้าม App อะไร
ถัดจากนั้นคือไฟล์ VDO อันที่ 2 ครับถ่ายนอกสถานที่ด้วยกล้อง iPhone6 ครับเพราะไม่ผ่าน App อะไร (เป็น Mode Slo-mo)
ส่วนในตรงส่วนนี้ผมอธิบายจากการใช้งานนะครับ คลิปแรก ผมเล่นเกมบนห้างที่เมเจอร์รัชโยธินช่วงเวลา 18.00 น. ซึ่งสถานที่นั้นมืดด้วยกันไม่มีไฟส่องสว่างเท่าไร แต่การจัดภาพนั้นทำได้ดีปกติ และลื่นไหลมาก รวมทั้งความคมชัด พร้อมด้วย การจับภาพในส่วนต่างๆภายในหน้าจอ ทำออกมาได้รายละเอียดครบ พร้อมด้วยดูรู้เรื่องจนดูสบายตาไปเลย ส่วนไฟล์ที่สอง ผมออกมาถ่ายบนทางด่วนช่วงเวลา 14.00 น. แดดมีฝนไม่ตก ถ่ายออกมาด้วย Mode Slo-Mo ทำออกมาได้ดีมากจับรายละเอียดทั้งหมดบนถนนได้ครบถ้วนโดยสังเกตุจากล้อแม็กซ์ ด้วยกัน รายละเอียดภาพบนถนน ด้วยการกดหยุด VDO ดูสิ่งที่กล้องจับติด
สรุปเลยแล้วกัน
คือ ....... เพราะว่ารวมคะแนนเต็ม 10 ผมให้เนื่องด้วย iPhone6 ทั้งหมด 8.9 คะแนนครับสาเหตุหลักๆ ที่ผมให้เช่นเท่านี้นั้นถ้าไม่ติดบัค iOS8 ที่มีผลต่อ App บางตัวใช่ไหมปัญแม้ารใช้งานอย่างก็เอาไป 9 คะแนนได้ครับ แต่อย่างที่หมายว่ามันยังคงมีปัญหาต่างๆ เช่นแถบ NC นั้นค้างเวลามีการแจ้งเตือนเราไม่สามารถที่จะลากมันลงมาได้เพื่อดูรายละเอียดในกรณีที่เราดูไม่ทัน
ใช่ไหมบัคจากคีย์บอร์ทที่เวลาเราสลับจอไม่ก็เอียงจอคีย์บอร์ทนั้นจะหายไป ซึ่งทั้งหมดตรงนี้เป็นปัญหามาจากที่ iOS8 ไม่ใช่ตัวเครื่อง ถ้าสมมตถามผมเรื่องหลักๆ เช่น
- วัสดุ : ผมพอใจมากกับวัสดุที่ใช้การประกอบ พร้อมกับ หน้าจอที่มีความใหญ่ขึ้น ด้วยกัน การแสดงผลที่ชัดเจน ตรงส่วนตรงนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาก และ พอใจมากกับการใช้งานจริงๆๆ ถ้าถ้าหากไม่มีปัญหาทั้งหมดจากบัคของ iOS8 ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมากนะครับ ลองคิดดูเราหวังว่าจะได้ใช้ iPhone จอใหญ่มาตลอด มาถึงทันทีฝันที่เป็นแน่นอนมาถึงแล้วครับ แม้ว่าจะมีข่าวต่างๆที่ออกมาพูดกันว่า เครื่องนั้นบอบบางมาก เช่นจับมาหักมางอ มันก็พังแล้ว ถามนักๆ เครื่องมันอยู่ดีๆคุณไม่ได้ทำตก ใช่ไหมไปดัดมัน มันจะพังมั้ยละครับ
- กล้อง : เรื่องกล้องผมค่อนข้างจักซีเรียสพอสมควรเพราะว่าผมไม่ชอบที่จักต้องพกอะไรหลายๆ อย่างออกจากบ้านพร้อมด้วยยัดใส่กระเป๋า ดังนั้นหากผมขับมอไซค์ แว๊นซ์ไปเทียวไหนแน่นอน ขอแค่มีกล้องดีๆใช้งานก็พอแล้ว กล้อง iPhone6 เกี่ยวกับผมทำออกมาได้ดีมากครับ จนระดับที่พอใจ พร้อมด้วย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ทั้งถ่ายภาพปกติด้วยกันถ่ายVDO ครับ
- แบตเตอรี่: ถามว่าแบตเตอรี่ 1840mAh เนี้ยนะพอใช้งานด้วยการทำงานในหนึ่งวันมั้ย กราบเรียนตามตรง ในตอนที่ผมใช้ iPhone5S แค่ยังไม่ทันจักทะลุไปครึ่งวันแบตหมดจาก 100% เหระบือแค่ 20% เศษๆ อันนี้จากการเปิด 3G ใช้งานทั้งวันนะครับ พอมาใช้เจ้า iPhone6 มา 4-5 วันจากการใช้งานสร้างผ่าน 3G ทั้งวันแจ้งให้ทราบตรงๆอึดกว่า 5S อยู่ในระดับที่พอสมควร และรับได้ นั้นคือใช้งานตั้งแต่เช้า 09.00 - 14.00 น. ก็ใช้งานมาตลอดฟังเพลงบาง เล่นเกมบาง กับ เล่นFacebook บาง แบตเตอรี่ มันก็ยังเหเลื่อง 35-40% ของในวันนั้นๆ ถามว่าส่วนตัวผมพอดีมั้ย ผมระบุเลยพอดีมากครับ ปลื้มมากกับแบตเตอรี่ใหม่แม้ว่าจักเพิ่มมาแค่นิดเดียวก็เถอะนะ
ยังมีอีกปัญหาที่ผมลืมเล่าไปสนิทเลย นั้นก็คือเครื่องนั้นหากมีการใช้งาน GPU หนักๆ ของ APP โหดๆ ทั้งหลายไม่ว่าจักเป็นเกม Full 3D หรือไม่อะไรก็ต่างที่มีการประมวลผลหนักๆ เครื่องนั้นจะร้อนเพราะจับได้แล้วรู้สึก ทันทีครับ ยิ่งสมมุติเปิด 3G แทนการใช้งาน WIFI ด้วยกันเล่นเกมพวก 3D หนักๆ ยิ่งไม่ต้องห่วงครับ ร้อนชนิดที่ว่าจับแล้วรู้เลยว่ามันร้อนครับ
ทั้งหมดเป็นเท่าการวิจารณ์ กับ แข่งขันใช้งานจากผมแน่นอนๆนะครับ ไม่ได้หมายความว่าคุณจักต้องเชื่อทั้งหมดที่ผมพิมา พ่างแต่ว่าคุณมีโอกาศได้ลองเล่นแล้ว ลองเปรียบเทียบความรู้สึกดู มันเป็นอะไรที่จะสาธยายว่าแปลกใหม่ก็ได้ด้วยว่า Apple เพราะว่าหน้าจอใหญ่ครั้งแรก ความรู้สึกมันไม่เหมือนเล่น Android หน้าจอ 4.7 นะ มันคนละฟิวเลยทูลตรงๆว่าประทับใจมากครับ ใครมีคำถามตรงไหนคอมเม้นสอบถามได้ครับ เดียวมาตอบให้ครับ